Jane Stick ~Little Jew Anthology~

Jane Stick ~Little Jew Anthology~

South park Doujinshi

Pairing: Kenny x Kyle , Cartman x Kyle , Stan x Kyle

Artists: Toro+Drop (Sumono)

Writer: Kochou no Yume (Tokiwa Akaki)

อ้างอิงแปลไทยพาร์ทK2: ห้องเก็บโดโด้ของวายไง
























พาร์ทนิยาย


เคนนี่กับน้ำพุศักดิ์สิทธ์

ในป่าที่เหล่าเอลฟ์อาศัยอยู่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่  พืชพรรณนานาชนิด เสียงนกร้องที่กังวาล 
กลิ่นหอมหวนของดอกไม้อบอวลป่าแห่งนี้เฉกเช่น ราชาเอลฟ์
แม้จะมีรูปร่างที่ดูอรชรอ้อนเอ้นไปซักนิด แต่เขาก็กล้าหาญและยังแข็งแกร่งถึงขั้น
ต่อยมนุษย์จนเลือดกกปาก ทั้งยังเตะเด็กข้ามห้องได้อีกด้วย 
ถึงอย่างนั้นแต่แม่ทัพคนสนิทสแตนก็คอยประคบประงมเขาอยู่เสมอ 
และไม่อยากให้เขาไปยุ่งกับการต่อสู้ใดๆ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อไคล์มาที่สนามฝึกด้วยรอยยิ้ม แต่เหล่าทหารเอลฟ์ก็ดูไม่ค่อยจะต้อนรับนัก
ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรอ ว่าท่านไม่จำเป็นต้องสู้น่ะ ข้าจะรับมือเองท่านมองอยู่ปราสาท
ก็เพียงพอแล้ว  ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นลมแดดอีกครั้งหรอกนะ
เหล่าทหารเอลฟ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของสแตนแม่ทัพหลวงทั้งยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของ
ราชาเอลฟ์ เขามักพูดอะไรตรงๆไม่อ้อมค้อม
แต่เพราะแบบนั้นมันยิ่งทำร้ายจิตใจไคล์เข้าไปใหญ่
ทำไมไม่พูดไปเลยล่ะว่าไม่อยากให้ฉันมา ก็ได้ฉันจะออกไปแล้ว!
เดี๋ยว ไม่ใช่แบบนั้นนะ ไคล์!
สแตนเรียกคนที่เดินจากไปเพื่อที่จะได้ปรับความเข้าใจกันใหม่ แต่ราชาเอลฟ์ก็ไม่สนและเดินต่อ ตัวของแม่ทัพที่ตอนนี้อยู่ในระหว่างการฝึก
ถ้าไปตามราชากลับมาคุยคงไม่ดีแน่ ดั่งนั้นเขาจึงหยุดไว้แค่นั้น และเริ่มฝึกต่อไป
แค่ฉันเป็นราชา ฉันก็ออกไปสู้ไม่ได้หรอ...
ไคล์บ่นอยู่คนเดียวกลางป่าเขียวขจีที่มีพืชพรรณนานาชนิด มันช่างดูงดงามเสียจริง แต่ความงดงามนั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ราชาเอลฟ์รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย หรือเขาควรจะไปนอนอยู่ในห้อง หรือจะไปอ่านหนังสือผ่อนคลายจิตใจ หรือว่าจะ...
ไปที่น้ำพุดีกว่า
ในป่าลึก มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่ราชาเอลฟ์เท่านั้นที่จะเข้าไปได้ มันก็ไม่ได้มีกฏนี้เขียนหรือสลักไว้แถวนี้หรอก เพราะ กฏที่ว่านั้นมีมาอย่างยาวนาน ผู้ที่จะได้เข้าไปนั้น มีเพียงแค่ผู้ติดตามเพื่อปกป้อง และผู้ที่ได้รับอนุญาติให้ชำระร่างกายของราชาเท่านั้น
สแตนก็เคยมาหลายครั้งแล้ว ในความจริง สแตนไม่อยากให้ไคล์มาคนเดียว ทุกครั้งที่ไคล์จะมาที่นี่เขาก็จะตามมาด้วยเสมอ
แต่ในเมื่อตอนนี้สแตนเป็นคนจุดชนวนให้ไคล์โกรธ เขาจึงมาที่นี่คนเดียวโดยไม่สนคนที่จะตามเขามาเสมออีกแล้ว
เขาเดินมายังน้ำพุหวังที่จะได้ผ่อนคลายโดยที่ไม่มีใครรบกวนอีก
แต่ทว่า...
นั่นใครน่ะ!?
กลับมีคนที่มาถึงก่อนเขา คนนั้นมีผมสีบลอนด์ยาวถึงอก ดวงตาที่ส่องประกายสว่างไสว ดั่งแสงของพระอาทิตย์
เจ้าหญิงเคนนี่ทำไมมนุษย์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้!?
ไคล์ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
เคนนี่ที่ในตอนนี้ ไม่ได้ใส่อะไรเลย เขาเดินเข้ามาโชว์หน้าอกแบนๆแบบที่ทำประจำ ว่าง่ายๆ ‘อ่อย
ฉันก็มาหานายไง ไคล์
มาทำท่าแบบนั้นคิดว่า ราชาเอลฟ์อย่างฉันจะหลงเสน่ห์รึไง
ไคล์ชักดาบไม้ออกมา ถึงแม้ว่ามันจะมีไว้สำหรับฝึกแต่มันก็พอป้องกันตัวเองได้
ที่นี่ ห้ามมนุษย์เข้ามานะ!
อา รู้อยู่แล้ว ว่าที่นี่ให้แค่ราชาเอลฟ์เข้าน่ะ เป็นกฏใช่ไหมล่ะ
เคนนี่เดินออกไปจากน้ำพุ หยิบเสื้อคลุมสีขาวมาสวม ทีแรกไคล์คิดว่าเขาคงจะจากไปแต่โดยดี แต่เมื่อสังเกตอีกทีเสื้อคลุมสีขาวผ่องที่เคนนี่สวมนั้น เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนเขาเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
ไม่มีใครจะมาช่วยนายแล้ว ใช่ไหม?
อึก...
ได้ยินแบบนั้น ไคล์หันหลังแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที เคนนี่ที่เห็นแบบนั้นก็ชักคันธนูยิงใส่
อ่ะ!!
ลูกธนูนั้นยิงเข้าที่เสื้อคลุมของไคล์และปักเข้าไปที่ต้นไม้ ลูกธนูที่ปักที่เสื้อของเขา
และคันธนูที่ยิงมาที่เขานั้นต่างเป็นสิ่งที่เหล่าเอลฟ์ใช้กัน
 “ฉันว่า นายน่าจะรู้แล้วนะ..
เคนนี่เข้ามาใกล้ไคล์ ใกล้จนหน้าจะชิดกัน
ทำให้เห็นได้ถึง สีหน้าที่เต็มไปด้วยกามอารมณ์ และเหงื่อที่เปียกชุ่ม จนเสื้อคลุมสีขาวนั้นแนบติดไปกับเนื้อ
เสื้อคลุมนี่ แล้วก็ธนูด้วย ฉันน่ะได้มาจากห้องของนายล่ะ
อย่ามาใกล้ฉันนะ
ไคล์พยายามที่จะดึงธนูที่ตรึงตัวเขากับเสื้อคลุมออก แต่เขากลับเอื้อมไม่ถึง และโชคร้ายที่ธนูนั้นก็ปักกับต้นไม้ลึกมากจนมันก็ไม่ขยับเลยซักนิด และถ้าจะให้ถอดเสื้อคลุมก็ทำไม่ได้อีก เพราะเข็มขัดนั้นก็ไม่ยอมให้เขาได้เป็นอิสระเอาเสียเลย
จริงๆฉันจะไปแอบรอนายอยู่ในห้องก็ได้นะ แต่รู้มั้ย ที่ฉันมารอนายที่นี่เพราะว่า ที่นี่น่ะดูสวยงามแต่ก็เปลี่ยว สำหรับพวกเอลฟ์ และนายด้วย ราชาเอลฟ์..
เคนนี่ส่งรอยยิ้มเจ้าหญิงให้ ใช้มือพลักหัวไคล์ให้ติดต้นไม้
ก่อนที่จะโชว์สิ่งนั้นมาจ่อตรงหน้าไคล์
เฮ้ย อย่าเอาสิ่งโสโครกแบบนั้นมาจ่อหน้าฉันนะ!
คำพูดคำจาแบบนั้น ไม่ควรใช้กับเจ้าหญิงนะ
เคนนี่หัวเราะคิกคัก พลางถูสิ่งนั้นที่แก้มและปากของไคล์
เลียเจ้านี่ให้หน่อยสิ
ฝันไปเถอะถ้าแกคิดจะยัดเข้ามาในปากฉัน ฉันก็จะกัดมันนี่แหละ
โห ใจร้ายจังเลย ก็ได้ งั้นฉันจะใช้ปากอื่นล่ะกันนะ
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และปลดเข็มขัดของไคล์อย่างช้าๆ
คิดว่าจะทำให้ฉันยอมได้รึไง!?
ก็ ฉันน่ะเป็นเจ้าหญิงนะ ไม่มีเอลฟ์ตนไหนไม่หลงเสน่ห์หรอก
ด้วยลูกธนูที่ยึดเสื้อคลุมโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุด ทำให้เมื่อเคนนี่ถอดเข็มขัดแล้ว ผิวนุ่มๆ ขาวๆของราชาเอลฟ์ ก็เผยออกมา
สงสัยจัง ว่าพวกเอลฟ์เนี่ยเคยจับมันบ้างรึเปล่านะ
อย่ามาจับฉันนะ
เคนนี่จับส่วนล่างของไคล์และค่อยๆลูบอย่างเบามือ
ไม่เห็นต้องกลัวขนาดนั้นเลยนี่นา
ฉันไม่ได้กลัว!
ไม่เอาน่า ก็แค่นายปล่อยใจไปก็ความรู้สึกก็พอแล้ว อ้อ ฉันได้เจ้านี่จากพวกเอลฟ์ด้วยล่ะ
เคนนี่หยิบขวดแก้วที่มีของเหลวสีทองขุ่นๆข้างในนั้น
พวกเอลฟ์เนี่ยจะใส่เจ้านี่ลงเป็นในไวน์ตอนงานเทศกาลสินะ เหมือนเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหมล่ะ?
ว่าไปแล้วเขาก็เทของเหลวสีทองนั่นบนนิ้วเขา
รู้รึเปล่าว่าจริงๆแล้วมันใช้ยังไง?
ไม่...รู้...
เคนนี่ถูมือทำให้ของเหลวนั้นกระจายไปทั่วมือเขา ก่อนที่จะใช้มือนั้น ชักนำส่วนล่างของไคล์
หยุดนะอึก...ไม่..
ถึงจะขอให้หยุดซักเท่าไรแต่ช่วงล่างนั้นก็กลับตามสนองตามมือของเคนนี่ แน่นอนว่าคนที่คุมเกมส์เห็นแบบนั้นก็ทำให้แรงขึ้นไปอีก
พร้อมกันนั้น เคนนี่ก็ใช้นิ้วมืออีกข้างวนรอบช่องทางที่จะสอดใส่เข้าไป
และไม่กี่อึดใจเคนนี่ก็สอดนิ้วเข้าไปในช่อบทางนั้นพร้อมกันทั้งหมดสามนิ้ว
ฉันชอบที่ได้ใช้ของจากธรรมชาติแบบนี้นะ เจ้านี่น่ะเหมือนกับยากระตุ้นอารมณ์เลย พวกเอลฟ์นี่ฉลาดจริงๆ
ไคล์ตอนนี้หน้าแดงไปหมด และยิ่งเขาดิ้นรนจะออกจากพันธนาการเท่าไร เสื้อคลุมก็ยิ่งเลิกขึ้น  ทำให้เผยผิวขาวนวลของราชาเอลฟ์ไปเพิ่มไปอีก
พอ...เถอะ...น่า
ม่าย นี่เพื่งจะเริ่มเอง หลังจากนี้มันจะรู้สึกดีกว่านี้แน่
เคนนี่เอานิ้วที่สอดเข้าไปนั้นออกมา และโดยไม่รีรออะไรเขาก็สอดแท่งร้อนของตนเองเข้าไปในช่องทางเดิม และขยับเป็นจังหวะ
อ้า....อ่ะ...อ่า
ตัวของไคล์เริ่มดิ้นไปมาเหมือนงู หน้าตอนนี้ทั้งแดงและร้อนผ่าว ตรงข้ามกับมือที่ตอนนี้นั้นเย็นเฉียบ ได้แต่เกาะแขนของเคนนี่เพื่อยอมรับชะตากรรม
ฉันใกล้จะเสร็จแล้วนะ
เคนนี่กระซิบข้างหูไคล์เบาๆ พลางเลียหยดน้ำตาบนหน้าไคล์
จังหวะที่ขยับอยู่ในตอนนี้มันยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
อย่า...เคนนี่...อือ
โดยไม่ฟังเสียงห้ามใดๆ เคนนี่ได้ปล่อยน้ำอุ่นๆเข้าไปในร่างกายของราชาเอลฟ์ พร้อมกันนั้นผู้ที่ถูกตรึงไว้เองก็ปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเช่นกัน
อา ดูเหมือนว่านายสัมผัสได้ถึงจุดสุดยอดแล้วสินะ
เจ้าหญิงที่มีร่างกายเป็นชายนั้นหัวเราะคิกคักพลางงับหูเอลฟ์ตรงหน้า
แหม ราชาเอลฟ์โดนข่มขืนโดยเจ้าหญิงแห่งเผ่ามนุษย์ แล้วดูเขาจะชอบซะด้วยสิ น่ารังเกียจจังเนอะ
ไม่..ไม่ได้ชอบซักหน่อย...!
ถึงแม้จะเสร็จกิจไปแล้ว แต่เคนนี่ก็ยังไม่จบและเริ่มขยับสโพกเป็นจังหวะอีกครั้ง
ไคล์ในตอนนี้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้วเพราะของเหลวสีทองนั่น ทำให้ตอนนี้เขาทำได้แค่ยึดหลังของเคนนี่ไว้และครางตามจังหวะไปเท่านั้น
แม้ว่าที่นี่จะเป็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรจะมาทำเรื่องแบบนี้ แต่มันก็ไม่มีความหมายอะไรกับไคล์แล้ว
รู้มั้ยว่า เวลาฉันเห็นของสวยๆงามๆน่ะ ฉันก็มักจะทำลายมันเสมอ นั่นจึงทำให้ฉัน เจ้าหญิงเคนนี่ สวยที่สุดไงล่ะ
และเคนนี่ก็เผยรอยยิ้มที่งดงามในแบบฉบับของเจ้าหญิง ก่อนที่จะมอบความร้อนให้กับราชาเอลฟ์

คาร์ทแมนกับลานประหาร


ณ ลานประหารใจกลางเมือง เป็นเรื่องแปลกที่วันนี้จะได้เห็นทั้งเอลฟ์และมนุษย์รวมตัวกันโดยปราศจากอาวุธ ปรากฏการณ์นี้คงมีครั้งนี้ครั้งแรกและคงจะเป็นครั้งสุดท้าย
ฝั่งมนุษย์ดูตื่นเต้นที่จะได้เห็นสิ่งที่แสดงบนลานประหารนี้ตรงข้ามกับฝั่งเอลฟ์ที่ดูเศร้าโศกและจับมือให้กำลังใจกัน แต่ก็ไม่อาจลบล้างความเจ็บปวดที่ยิ่งเพื่มเป็นทวีคูณจากการที่ราชาของพวกเขาถูกลากมายังแท่นประหาร
“ฮะฮะ! ดูซะราชาสุดที่รักของพวกแกไงล่ะ ไคล์ราชาเอลฟ์!
เสียงหัวเราะของคาร์ทแมนดังก้องไปทั่ว
ตอนนี้ร่างบางที่ถูกลากมาบนแท่นประหารใส่เศษผ้าเก่าๆที่ขาดวิ่น ข้อมือทั้งสองถูกพันธนาการไว้  พร้อมกับชายร่างใหญ่อีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ และจากสายตาที่ดีเยี่ยมของพวกเอลฟ์แล้ว ถึงแม้จะอยู่ไกลแต่ก็เห็นว่าร่างบางนั้นมีรอยฟกซ้ำเต็มไปหมด
“ถึงแกจะฆ่าฉัน แต่พวกเราก็ไม่ยอมพวกแกหรอก!
ไคล์ตะโกนใส่คาร์ทแมน
แต่ถึงราชาของพวกเขาจะพูดแบบนั้น แต่เหล่าเอลฟ์ก็รู้กันดีว่าทุกคนจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยราชาสุดที่รักของพวกเขาออกมาแม้จะให้ก้มกราบมนุษย์เลวๆแบบนี้ก็ยอม
ส่วนเหล่าคนสนิทของราชาเอลฟ์ที่ควรจะมาดูการประหารนี้ก็กลับหายไป เป็นการบอกว่าพวกเขาพยายามที่จะช่วยไคล์อยู่แน่
จอมเวทย์หัวเราะเบาๆ
“ไหนดูซิ ว่าจะพูดแบบนั้นได้อีกนานเท่าไร”
คาร์ทแมนดีดนิ้ว
“หะ? แกจะทำ..”
ทันใดนั้นชายร่างใหญ่ดึงไคล์เข้ามาหาพวกเขา เศษผ้าที่น้อยนิดไหลไปตามแรงดึงนั้นเผยให้เห็นบั้นท้ายขาวเนียน ก่อนที่พวกชายร่างใหญ่พวกนั้นจะถอดเสื้อผ้าและเริ่มกิจกรรมกันต่อหน้าผู้มาชมอย่างไม่สนใจ
“เอาล่ะ ได้เวลาโชว์แล้ว”
เสียงของไคล์เริ่มดังก้องไปทั่ว
เอลฟ์ที่รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ก็เป็นลมกันไป บ้างก็คลื่นใส้ บางรายทนไม่ได้ถึงขั้นจะฆ่าตัวตายแต่ก็ถูกเอลฟ์ตนอื่นห้ามไว้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าเหล่าคนสนิทที่ตอนนี้หายไปจะมาช่วยราชาของพวกเขาแน่นอน
แต่คาร์ทแมนก็พอรู้อยู่แล้วล่ะ
“สนุกกันมั้ย? วันที่ราชาของพวกแกถูกจับมาก็โดนแบบนี้หละ”
ว่าแล้วจอมเวทย์ก็แกว่งไม้เท้าของตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่ไคล์และชายร่างใหญ่ทั้งสองจะหายไปดั่งฝุ่นควัน ความเงียบเริ่มถาโถมเข้ามา เหล่าเอลฟ์ที่ว่าฉลาดก็ยังอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างงงงวย
ความเงียบนั้นดำเนินต่อไปอีกชั่วขณะ ก่อนที่จอมเวทย์คนเดิมจะแกว่งไม้เท้าอีกครั้ง
ปรากฏให้เห็นถึงราชาเอลฟ์ที่ใส่ชุดราชาชุดเดิมทอด้วยไหมอย่างดี ถูกล่ามด้วยปลอกคอเหล็ก คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคาร์ทแมนดั่งนำผ้าคลุมล่องหนออก
“ดูให้เต็มตาซะ ไอพวกเอลฟ์!
ไคล์เริ่มเลียสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ ด้วยประสาทที่ดีกว่าพวกมนุษย์ เสียงของการโลมเลียน่าสะอีดสะเอียนที่ไม่อยากได้ยินก็เข้าหูพวกเอลฟ์
“อร่อยใช่ไหมล่ะ? ไคล์”
ไคล์ยังคงเลียแท่งร้อนของจอมเวมย์ต่อไปโดยไม่มีความรังเกียจสักนิด จนน้ำสีขาวขุ่นเปรอะเลอะเต็มไปหมด
“อยากให้ฉันทำอะไรต่อล่ะไคล์ ไหนบอกมาซิ”
“นายท่าน...”
ไคล์มองขึ้นมาสบตากับคาร์ทแมน และค่อยๆปลดเข็มขัดตัวเองออก
“ได้โปรดเขามาข้างในตัวฉันที”
ว่าแล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งตักของจอมเวทย์
“หยุดนะ!
เสียงตะโกนของแสตนห้ามขึ้นมาก่อนที่เหล่าทหารคนสนิทที่หายไปก่อนหน้านี้ปรากฏตัวขึ้นมากลางแท่นประหาร ที่เคยมีภาพลวงตาของการทำร้ายราชาของพวกเขา
“คาร์ทแมน อย่ามาใช้เวทย์มนต์สกปรกแบบนี้กับราชาของพวกเรานะ!
เหล่าเอลฟ์ง้างธนูเล็งเข้าหาจอมเวทย์
“เวทย์มนต์? พูดอะไรน่ะ ไม่มีซักหน่อย”
“อย่ามาโกหก!
“ไม่ได้โกหก เอาจริงนะ ราชาของพวกแกมันร่าน ไม่ก็คงโดนมนุษย์ย่ำยีจนติดใจซะล่ะมั้ง”
“คาร์ทแมน!
ระหว่างที่ทั้งสองเถียงกันอยู่นั้น ไคล์ก็จัดท่าของตัวเองก่อนที่จะเริ่มขยับตัวช้าๆ
“อ่า...ใหญ่...จัง..”
เหล่ามนุษย์ที่เห็นแบบนั้นก็พากันเชียร์ให้ราชาเอลฟ์ขยับตัวแรงขึ้นไปอีก
“ไคล์! ได้สติสักทีสิ ไคล์!
สแตนตะโกนออกไปโดยหวังว่าราชาผู้เป็นที่รักของเหล่าเอลฟ์จะได้สติกลับมา ตอนนี้เอลฟ์ไม่สามารถโต้กลับได้เลยเพราะหากยิงธนูใส่จอมเวทย์บางทีมันอาจจะทำให้ราชาของพวกเขาโดนลูกหลงไปด้วยก็ได้
ส่วนเหล่าเอลฟ์ที่ดูเหตุการณ์นี้อยู่ก็เริ่มชักไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นเวทมนต์ของจอมเวทย์หรือราชาของพวกเขาต้องการแบบนี้จริงๆดังที่พูดกันแน่
“ฮะฮะ ขอโทษทีนะ แต่ยอมแพ้ซะเถอะเขาคงไม่กลับไปกับพวกแกแล้วล่ะ!
.
.
.
ณ ห้องลับบนหอคอยคูป้าคีปที่ใช้เวทย์มนต์ซ่อนไว้ มีเพียงจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ที่รู้เรื่องห้องลับนี้ แต่ผู้ที่อยู่ในห้องนี้หาใช่จอมเวทย์ไม่

“โธ่เว้ยไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะต้องมาถูกขังแบบนี้!
ราชาเอลฟ์ในชุดเดรสสีขาว เตะประตูระบายความโกรธเกรียวที่อยู่ในใจ พลางสาปแช่งจอมเวทย์ไปด้วย แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรประตูนั้นก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
 “ไออ้วนนั้น  ใช้เวทย์มนต์มาทำเรื่องแบบนี้”
ไคล์คนนี้ไม่เหมือนกับคนที่ลานประหาร เขายังเป็นราชาเอลฟ์คนเดิมแต่ที่เปลี่ยนคงมีแค่ชุดเดรสสีขาวเท่านั้น
ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงใส่ชุดเดรส  ก็เพราะจอมเวทย์ให้ชุดมากับเขา  และเขาก็ใส่เอง
อันนี้ตัวเขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม ถ้าให้คิดคงเพราะเขาเบื่อชุดเดิมๆ แล้วสีขาวก็ดูสะอาดตาดีด้วย
“ให้ตายสิ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย”
ย้อนกลับไปเมื่อ10วันก่อน อยู่ๆจอมเวทย์ก็ปรากฎตัวขึ้นมาในห้องบรรทมของราชาเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์ แม้เจ้าของห้องจะรู้ตัวแต่กลับไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือจากอัศวินที่อยู่ห้องข้างๆเลยแม้แต่น้อย และปล่อยให้จอมเวทย์กอดและจูบเขาก่อนที่จะโดนพาตัวมาอย่างง่ายๆ ถึงแม้จะถูกพาตัวมาขังแล้วแต่จอมเวทย์ก็ไม่ได้ทำร้ายอะไร เขาดูแล ถามไถสารทุกข์สุขดิบ เหมือนกับว่าเราไม่ได้อยู่ต่างเผ่ากันเลยแม้แต่น้อย
“แล้วยังมาจูบแบบนั้นอีก..”
หน้าของไคล์เปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่จะถีบประตูแก้เขินไปอีก1ที พอมานึกถึงเขาก็รู้สึกมาตลอดว่า จอมเวทย์นั้นใจดีกับเขามากๆ ถึงจะหาคำตอบว่าทำไมไม่ได้ก็ตาม
.
.
.
“มันไม่มีที่ให้กลับไปแล้วเว้ย!
คาร์ทแมนตะโกนใส่เหล่าเอลฟ์อย่างเย้ยหยัน
เมื่อการแสดงจบลง เหล่าเอลฟ์ก็กลับไปที่ป่าอย่างใจสลายจากการที่เห็นราชาของตนเอง
ทำเรื่องแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะยอมแพ้ พวกเขาแค่รอจังหวะแล้วซักวัน 
พวกมนุษย์นั้นจะต้องชดใช้ เพราะราชาของพวกเขานั้นเป็นคนสำคัญ
แต่..เขาก็เป็นคนสำคัญของคาร์ทแมนเช่นกัน
“คืนนี้ช่างมืดมิดเหลือเกินนะ”
คาร์ทแมนถือช่อดอกไม้ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
และการต่อสู้ที่แท้จริงของทั้งสองคนที่ถือชะตาโลกทั้งสองใบก็ได้เริ่มขึ้น


สแตนกับถ้ำกลางสนามรบ


มื่อไคล์และสแตนต้องประจันหน้ากับพวกมนุษย์ในป่าที่ไม่ไกลจากอาณาจักรของเอลฟ์มากนัก แน่นอนว่าเอลฟ์มีพลังจากเทพแห่งป่าช่วยในการต่อสู้ แต่ก็เพราะอย่างนั้นเหล่าเอลฟ์ถึงได้ประมาทได้ง่าย
“ฝ่าบาท! ทางขวา!! ระวัง!!
สิ้นเสียงของสแตน คนที่ถูกร้องเตือนก็หันไปตามคำพูด และได้พบกับคมดาบที่จะเข้ามาหาตัวเขาในไม่ช้า
“อ๊ะ...!
ตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ตัวแล้วว่าเขาจะต้องตายแน่ๆ
“โธ่...เว้ย...!
สแตนพลักไคล์อย่างเต็มแรง เลือดของเขานั้นสาดกระเซ็นไปทั่ว ก่อนที่เขาจะชักดาบออกมา เสียงกรีดร้องของศัตรูนั้นดังระหมไปหมด แต่ก็ได้ยินเสียงของเอลฟ์เช่นกัน
“ฝ่าบาท!
การที่แสตนพลักไคล์แรงมากไปหน่อย เลยทำให้ร่างของราชาเอลฟ์นั้นชนเข้ากับโขดหินของภูเขาใหญ่อย่างจัง เมื่อสแตนเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาดูอาการทันที
“สแตน...”
เขาสัมผัสได้ถึงมือของสแตนที่กุมไว้กับเขา ก่อนที่มือนั้นจะโอบรอบกาย
“หลับตาซะเถอะนะ!
ตอนนั้นเองที่ไคล์ได้ยินเสียงหัวเราะของคาร์ทแมนก่อนที่เขาจะหลับตาลงไป
*
*
*
เมื่อราชาเอลฟ์ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ได้พบว่าเขาอยู่ในถ้ำใหญ่ที่มีดวงไฟดวงเล็กจุดเอาไว้ และมีแม่ทัพคนสนิทนั่งอยู่เคียงข้าง
“สแตน...?
 “ข้าดีใจนะ ที่ท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว เป็นอะไรไหม?
“อืม..สแตนแล้วนายล่ะ.....”
ไคล์สังเกตเห็นเลือดเลอะผ้าคลุมบริเวณแขนของเขา บนพื้นก็มีผ้าพันแผลและสมุนไพรกระจัดกระจายไปหมด เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขานั้นพยายามรักษาตัวเองอยู่
“ข้าไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง ถึงแม้เราจะพลาด ฉันรู้ว่านายทำเพื่อฉันมามากแค่ไหน..”
ถึงแม้ตอนนี้ไคล์จะบาดเจ็บด้วย แต่ก็ชัดแล้วว่าสแตนเจ็บหนักกว่าเขามาก
“มียารักษาไหม?
“ข้าใช้ไปหมดในการต่อสู้แล้ว จริงๆแล้วตอนนั้นควรจะมีหน่วยพยาบาลมาสมทบแล้ว.... ข้าว่าครั้งนี้แผนของเราคงไม่ดีเท่าไร”
ระหว่างที่สแตนพูดไปเขาก็เลื่อนมือไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดแผลบนใบหน้าของไคล์เบาๆ
“สแตนฉันว่านายควรดูตัวเองก่อนดีกว่า...”
“ข้าไม่เป็นไร เลือดหยุดไหลแล้ว  ช่วยถอดเสื้อของท่านหน่อยสิ”
ถึงแม้จะไม่ได้เจ็บหนักเท่าสแตนแต่ไคล์ก็มีแผลและรอยซ้ำอยู่มาก
คงเป็นเพราะราชาเอลฟ์คนนี้เวลาได้ลงไปต่อสู้แล้วนั้น เขาจะปลุกใจเหล่าเอลฟ์ และเอาชีวิตตัวเองเขาไปแลกเพื่อแก้แค้นพวกมนุษย์จนลืมคิดหน้าคิดหลัง สุดท้ายก็จบด้วยแผลตามตัวอยู่ร่ำไป
“ขอโทษ...ฉันผิดเอง”
ในตลอดการสู้รบนั้นไคล์ดูหัวเสียมาก เขาไม่อยากที่จะแพ้จอมเวทย์งี่เง่านั่น จนกระทั่งลืมแผนและสิ่งที่ต้องทำไป และเหล่าทหารเอลฟ์ที่ไม่มีผู้ออกคำสั่งก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ
“ทางนั้นยังมีคริสอยู่ พวกนั้นต้องทำได้แน่”
เมื่อไคล์อาการสงบลง ถึงอย่างนั้นสแตนก็ใจดีกับเขาเสมอ ถึงแม้ปกติไคล์อยากจะบอกสแตนว่า ช่างแม่ง แต่สถานการณ์ตอนนี้ เขาก็ควรฟังไว้ก่อนดีกว่า
และเขาคิดว่ามันคงจะง่ายกว่ามากถ้าสแตนโกรธๆเขาไปซะ
หลังจากที่เช็ดตัวให้ไคล์เสร็จ สแตนก็ทำแผลให้
“หนาวรึเปล่า?
“อืม”
“เหมือนว่าท่านจะชอบที่ข้าเช็ดตัวให้นะ”
“....อืม”
หลังจากที่สแตนได้สัมผัสผิวนุ่มๆของไคล์ ผสมกับความรู้สึกตื่นเต้นจากสนามรบ ก็ปลุกอารมณ์ของเขาขึ้นมานิดๆ
“เอาล่ะ ตาฉันบ้างล่ะนะ...!
ไคล์พยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง แต่หน้าก็แดงไปก่อนแล้ว ผ้าคลุมของแม่ทัพก็ตกไปอยู่ใต้ร่างของราชาเอลฟ์เผยแขนของผู้ที่ผ่านการสู้รบกับมนุษย์มามากมาย ก่อนที่เขาจะเห็นสิ่งที่ตื่นขึ้นมาจากใต้ร่มผ้า ยิ่งทำให้ไคล์หน้าแดงกว่าเดิม
“นี่ไม่ใช่ความผิดข้านะ เป็นเพราะท่านทำหน้าแบบนั้นต่างหาก”
สแตนขำคิกคัก ก่อนจะดึงหน้าของราชาเอลฟ์เข้ามาจูบเบาๆ อย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ
“อึก..สแตน..!
จนกระทั่งถ้ำที่เงียบสงัดถูกเติมเต็มด้วยเสียงหอบจากทั้งสอง ไคล์เอื้อมมือไปจับเข็มขัดของสแตน
“ฝ่าบาท!
“ฉันแค่จะดูแผลของนายน่ะ”
“เราไม่เหลือสมุนไพรแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ”
สแตนพลักไคล์เบาๆก่อนที่จะให้เสื้อของไคล์คืนไปแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมที่จะใส่
“แต่..”
“เจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ?
“ก็ไม่หรอก ถ้า..ข้าเหมือนสปาร์กกี้ล่ะก็ ข้าก็คงจะรักษาท่านได้...”
ด้วยใบหน้าที่จริงจังนั้นไคล์ถอนหายใจออกมา นั่นทำให้สแตนหลุดขำ
จนไคล์ทำหน้างอนๆใส่ เจ้าตัวก็ยิ้มกลับไปอย่างอ่อนโยน
“ข้ารู้สึกดีใจนะที่ท่านยังอยู่ที่นี่ อีกอย่าง...ข้ารู้สึกได้เลยล่ะ ว่าท่านจะมีพลังที่ช่วยรักษาได้”
“จริงหรอ!!?
หน้าของไคล์ที่เมื่อกี้ดูบึ้งตึงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และประกายแห่งความดีใจที่มีมากจนเขาเผลอเลียริมฝีปากของตัวเอง สแตนที่เห็นอยู่แล้วว่าคนตรงหน้าเขาต้องการอะไรก็ดึงมือของไคล์เข้ามาคุกเขาตรงหน้าเขา
“งั้นท่านช่วยรักษาร่างกายข้าได้ไหม ฝ่าบาท?
.
.
.
“อ๊ะ...”
ด้วยขี้ผึ้งที่ราชาเอลฟ์พกติดตัวมาทำให้การสอดใส่ของสแตนนั้นเข้าไปง่ายยิ่งขึ้น  ขี้ผึ้งนี้เป็นของที่เหล่าเอลฟ์ที่อยู่กับธรรมชาตินั้นทำถวายให้ท่านราชาซึ่งมันค่อนข้างอเนกประสงค์เลยทีเดียว ตั้งแต่ทาตัว ทาปาก ทาแผลเป็น
แต่ใครจะคิดล่ะว่าจะเอามาใช้กันแบบนี้
“ฮะ..อะ..”
“อึก...ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?
ไคล์ดึงตัวเองขึ้นมาบนตักของสแตนก่อนที่จะรู้สึกถึงความร้อนที่เข้ามาในร่างกายนั้น และด้วยแรงโน้มถ่วงเอง มันก็ยิ่งยากที่จะทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย สแตนเห็นแบบนั้นจึงพยายามทำให้เขาผ่อนคลายด้วยการลูบหลังเบาๆ
“ท่านอย่าฝืนนักสิ”
“เปล่า..นะ...”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้นเจ้าตัวก็พิงหน้าอกของคนตรงหน้าอย่างเจ็บปวด แต่การยิ่งทำแบบนั้น หารู้ไม่ว่ามันเป็นการปลุกอารมณ์ของสแตนไปอีก
“อือ...ใหญ่จัง..”
สแตนพยายามกดอารมณ์ตัวเองไว้ ไม่ปล่อยใจตัวเองให้ทำไรไปมากกว่านี้ ไม่งั้นคนตรงหน้าคงได้รับบาดเจ็บเกินกว่าจำเป็น แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าท่าทางที่เย้ายวนใจของราชาเอลฟ์นั้นจะเอาชนะได้ง่ายที่ไหน
“ฮา..สแตนจูบฉันที”
“แน่นอน ฝ่าบาท”
“เรียกฉันว่าไคล์...เถอะน่า...”
เมื่อทั้งสองได้ประทับริมผีปากลงไปด้วยกัน ไคล์ก็เริ่มขยับตัวอย่างช้าๆ แต่นั่นก็พอแล้วที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของสแตนขึ้นมาอีก
“อือ..รู้สึก..ดี..รึเปล่า?
การขยับตัวจากที่เบาๆนั้นก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ในความเป็นจริงแล้วไคล์จะมียศถาบรรดาศักดิ์ที่มากกว่าแต่เขาก็พยายามที่จะทำให้สแตนรู้สึกดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อืม รู้สึกดีมากเลยล่ะ ไคล์...!
พอผู้ที่ฟังได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับร่างกายที่ขยับต่อไปอย่างไม่มีหยุดพัก อุณหภูมิความร้อนภายในร่างกายที่เพื่มสูงขึ้น เหงื่อที่ไหลรินจนเกศาสีแดงนั้นแนบติดกับเนื้อ กลิ่นดอกไม้อ่อนๆลอยเข้ามาแตะจมูกแม่ทัพหนุ่ม ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งเดียวก็ธรรมชาติ และอยากจะปกป้องคนที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยบาดแผลหรือชีวิตของเขา ก็ตาม
“ข้ารักท่าน ไคล์”
“ฉันก็...เหมือนกัน...!
ทั้งสองมอบจูบให้กันและกันแลกเปลี่ยนความร้อนในร่างกาย รสชาติเค็มๆของเหงื่อและความหวานหอมให้กัน จนกระทั่ง...
“ฮะ...อือ...ไคล์”
ตอนนั้นเองคนที่นั่งบนตักก็ได้รู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนเข้ามาในร่างกาย
ถึงแม้กิจกรรมแสนหวานที่ได้ทำร่วมกันนั้นจะจบไปแล้วแต่ร่างกายของทั้งสองนั้นยังเชื่อมต่อกันและยังคงกอดและจูบเพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนของกันและกันอยู่
“ข้าว่าร่างกายของข้าได้รับการรักษาแล้วล่ะ”
สแตนกระชิบข้างหูก่อนจะงับใบหูของราชาเอลฟ์เบาๆ
“ฉัน...ก็รู้สึกดีนะ”
และแล้วร่างกายของทั้งสองก็ขยับอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง
แต่หลังจากนั้นไม่นาน คริสและหน่วยสมทบก็พบทั้งสอง
รู้สึกว่าทั้งคู่จะได้ปัญหาซะแล้วสิ




เพื่มเติม...

คริสที่ปรากฏอยู่ในนิยายของคู่Styleนั้น 
คือคนผมเหลืองที่อยู่ทางด้านขวานะคะ


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น